หลายๆ ท่านคงทราบกันดีว่าการ Maintenance คือ การดูแลรักษาและซ่อมบำรุงเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น โดยใช้หลักการ 3P ได้แก่
- Preventive Maintenance
- Predictive Maintenance
- Proactive Maintenance
ซึ่งหลักการแต่ละตัวมีความแตกต่างกัน วันนี้พรีเมี่ยมจึงจะพาทุกท่านมาไขข้อสงสัยเรื่องการ Preventive, Predictive, Proactive Maintenance มีความแตกต่างกันอย่างไร ? ไปดูพร้อมกันเลยค่ะ
ความแตกต่างของ Preventive, Predictive, Proactive Maintenance
1.Preventive Maintenance
การ Preventive Maintenance คือ การบำรุงรักษาและซ่อมบำรุงตามระยะเวลา (Scheduling) หรือตามตารางการใช้งานเครื่องจักร(Maintenance Intervals) โดยส่วนใหญ่จะมีอยู่ในคู่มือการใช้งานของเครื่องจักรอยู่แล้ว หรือสรุปแบบเข้าใจง่ายๆ การทำ Preventive Maintenance (PM) คือ การบำรุงรักษาเชิงป้องกันนั่นเองค่ะ
ข้อดีของการ Preventive Maintenance
ข้อดีของการ Preventive Maintenance คือ ช่วยให้เครื่องจักรมีอายุการใช้งานได้นานขึ้น รวมถึงช่วยให้การทำงานของเครื่องจักรเป็นไปได้อย่างเสถียร ไม่เบรคดาวน์ เกิดปัญหาในระหว่างการทำงานน้อยลง หรืออาจจะไม่เกิดเลยก็เป็นได้ แต่ถ้าหากเราไม่ทำ Preventive Maintenance (PM) กับเครื่องจักร จะส่งผลให้เครื่องจักรเสื่อมสภาพได้ง่าย อายุการใช้งานสั้นลง ทำงานได้อย่างไม่เสถียร และอาจเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาภายหลังได้นะคะ
2.Predictive Maintenance
การ Predictive Maintenance คือ การบำรุงรักษาในลักษณะของการเก็บข้อมูลมาทำการวิเคราะห์ เพื่อตรวจสอบสภาพการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ โดยใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์พิเศษในการเก็บข้อมูลและนำมาเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐานของเครื่องจักร
ส่วนของ Air Compressor จะมีจุดวัดหลักอยู่ 4 จุด คือ
•Vibration analysis คือ การตรวจสอบค่าการสันสะเทือนของชุด Bearing ที่อยู่ในชุด Airendและ Motorโดยใช้เครื่องมือพิเศษที่เรียกว่า IR 30
•Coolant/Lubricant analysis คือ การตรวจสอบคุณสมบัติการหล่อลื่นของนํ้ามันUltra Coolant
ฝุ่นผงและสิ่งที่เจือปนมาในอากาศร่วมถึงตรวจสอบตัวเครื่องจากการ สึกหรอที่ปะปนมาในนํ้ามัน
•Water/Condensate analysis คือ การตรวจสอบคุณภาพนํ้าที่ใช้ในการระบายความร้อนและนํ้าที่เกิดจากการ Condensate ว่ามีสิ่งเจือปนมาในอากาศหรือไม่ เช่น อากาศที่มีกรดเจือปน หรือนํ้าที่ใช้ระบายความร้อนอยู่ในสภาพเหมาะสมหรือไม่
•Air Quality audit คือ การตรวจสอบคุณภาพของอากาศที่อยู่บริเวณรอบ เครื่องว่า จะส่งผลกระทบกับคุณภาพของอากาศและตัวเครื่อง Air Compressor หรือไม่โดยส่วนใหญ่จะใช้วัดกับโรงงานที่มีกรดหรือเคมี
ข้อดีของการ Predictive Maintenance
ข้อดีของการ Predictive Maintenance คือ ช่วยให้เรารู้สภาพการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ว่าภายในอนาคตจะมีสภาพอย่างไร และสามารถรู้ได้ว่าอุปกรณ์ชิ้นส่วนไหนที่มีโอกาสพัง ซึ่งการตรวจเช็คล่วงหน้า จะช่วยให้เราสามารถซ่อมเครื่องจักร ก่อนเกิดความเสียหายได้ อีกทั้งยังช่วยประหยัดการ Maintenance อีกด้วยค่ะ
3.Proactive Maintenance
การ Proactive Maintenance คือ การ Maintenance เชิงการซ่อมบำรุงรักษาก่อนที่จะเกิดการเสียหายโดยการนำข้อมูลจากการทำ Preventive Maintenance และ Predictive Maintenance มาทำการวิเคราะห์ว่าจะต้องทำการซ่อมบำรุงในส่วนไหน ก่อนที่จะเกิดความเสียหายเกินกว่าจะแก้ไขได้เช่นการ Overhaul เป็นต้นค่ะ (สามารถอ่านเพิ่มได้ที่ : ทำไมต้องทำ Overhaul กับพรีเมี่ยม ? https://www.premium.co.th/2022/06/22/why-does-overhaul-with-premium/ )
ข้อดีของการ Proactive Maintenance
ข้อดีของการ Proactive Maintenance คือ ช่วยให้เครื่องจักรมีความพร้อมใช้งาน สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ มีความความเสถียร ไม่เกิดการเบรคดาวน์ในระหว่างการใช้งาน อีกทั้งยังช่วย Save Cost ลดต้นทุนทางด้านเครื่องจักร ประหยัดเงินกว่าการซื้อของใหม่ และช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องจักรในระหว่างขั้นตอนการผลิตได้อีกด้วยค่ะ
จบแล้วนะคะ สำหรับบทความเรื่อง Preventive, Predictive, Proactive Maintenance ต่างกันอย่างไร ? บริษัทพรีเมี่ยม อิควิปเม้นท์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด มีบริการ Preventive Maintenance, Predictive Maintenance และ Proactive Maintenance โดยทีมงานคุณภาพมากประสบการณ์ เป็นที่ไว้วางใจของลูกค้า มีบริการและรับประกันหลังการบริการ พร้อมให้คำปรึกษาหากท่านมีปัญหาในการใช้งาน หากท่านใดสนใจสามารถคลิกลิงก์เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยค่ะ
📌 สอบถามเพิ่มเติมที่::
📲 Line OA : @premiumpr หรือ https://lin.ee/3rDO9VSSV
📞 Tel : (02) 919-8900
🌏 WEBSITE :https://www.premium.co.th
⏰ เวลาทำงาน : จันทร์-ศุกร์ เวลา 08:30-17:30